เขาช้างเผือก เป็นที่เที่ยวสำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ชอบผจญภัย พิชิตยอดเขาสูง ยอดเขาช้างเผือกสูงตระหง่าน รอให้มาพิสูจน์ความกล้ากัน โดยเฉพาะจุดของสันเขาที่หวาดเสียวที่สุดที่เรียกว่า "สันคมมีด"
เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ บนยอดเขามีลักษณะเป็นภูเขาหญ้า มีหินบ้างตามสันเขา การเดินทางไปยังยอดเขาช้างเผือก จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนรายชื่อคนที่ขึ้นเขา ในแต่ละวันทางอุทยานฯ มีการจำกัดคนบนเขาไว้ที่ 60 คน เพราะพื้นที่กางเต็นท์บริเวณยอดเขามีพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาแบบ 1 คืน 2 วัน
การเดินขึ้นสู่เขาช้างเผือกจะเริ่มจากบริเวณหลังหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงในการเดินขึ้นไปจนถึงจุดกางเต็นท์ เดินช่วงแรกจะผ่านป่าโปร่งๆ เป็นเนินเขาเตี้ยบ้าง สูงบ้าง เป็นเนินทุ่งหญ้าที่มีวิวสวยๆ ระหว่างทางให้ถ่ายรูป ช่วงนี้แดดค่อนข้างร้อน จากนั้นก็จะเป็นการเดินตามเชิงเขาบ้าง สันเขาบ้าง ช่วงนี้จะเป็นทุ่งหญ้าความสูงพอท่วมหัว แล้วจึงจะถึงจุดตั้งแค้มป์
การเดินทางให้ถึงบริเวณยอดเขาช้างเผือก จะต้องเดินไปจากจุดตั้งแค้มป์อีกประมาณ 500-600 เมตร และจะต้องผ่านจุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของเขาช้างเผือก คือช่วงที่เรียกว่า "สันคมมีด" หรือ "สันวัดใจ" ที่ท้าทายผู้กล้าทั้งหลาย เพราะจะเป็นช่วงสันเขาบางๆ แคบๆ ช่วงนี้สันเขาจะมีก้อนหินใหญ่บ้างเล็กบ้าง ต้องเดินแถวเรียงเดี่ยวปีนผาหินขึ้นไป ถึงจะเป็นผาไม่สูงมาก แต่ก็ทำเอาหลายคนใจสั่น หน้ามืด ถึงกับก้าวขากันไม่ออก หรือบางคนถึงกับยอมถอดใจไม่ขึ้นไปเลยทีเดียว เพราะเป็นการปีนอยู่บนยอดสันเขาเปิดโล่ง ทั้งสองข้างเป็นไหล่เขาลาดลึกลงไปเป็นเหว ทางเดินสอบแคบขนาดไม่เกินเมตร ทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนคมมีด ที่น่าหวาดเสียว เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ และะมีเชือกให้คอยจับพยุงตัวขึ้นไปยังยอดเขา บางคนถึงกับเสียน้ำตา และอีกหลายคนยอมที่จะคลานไปตามพื้นสันเขาที่กว้างไม่ถึงเมตรนี้ เพื่อไม่ให้มองเห็นความลึกของเหวสองข้างทาง
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ การปีนสันคมมีด ทำได้ง่ายขึ้นมากแล้ว เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขึงเชือกให้นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปได้ง่ายขึ้น
เมื่อพ้นช่วงสันคมมีด จะเป็นเนินเขาที่ให้เดินต่อไปจนถึงจุดสูงสุดของเขาช้างเผือก ที่ความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล จุดนี้จะเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา ไม่มีต้นไม้ใหญ่บดบังทิวทัศน์ ใครที่ได้มาถึงจุดนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับป้ายพิชิตยอดเขา เพื่อเป็นที่ระลึกว่าได้ผ่านการทดสอบการเดินทางสู่เขาช้างเผือก สันคมมีด มาแล้ว
การเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งวัน จึงไม่สามารถเดินทางแบบเช้าไป เย็นกลับได้ บนเขาไม่มีร้านค้า ร้านอาหารหรือที่พัก นักท่องเที่ยวต้องนำเสบียงอาหารไปทำกินเอง โดยจ้างลูกหาบขนสัมภาระขึ้นไปตั้งแค้มป์ค้างคืนบนยอดเขา และควรเตรียมอาหารระหว่างทาง และน้ำดื่มให้เพียงพอด้วย นอกจากนี้บนเขายังไม่มีแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ด้วย
ช่วงปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงที่วิวสวย ทุ่งหญ้าบนยอดเขาต่างๆ สีเขียวสด กลางคืนอากาศหนาว มีหมอกให้เห็นในตอนเช้า สายๆ อาจเห็นทะเลหมอก หากมาเที่ยวในช่วงที่ยังมีฝน ทางเดินอาจลื่นบ้าง และควรมียาสำหรับป้องกันแมลง และทาก
การเดินทางไปเขาช้างเผือก - อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถทัวร์ แล้วต่อรถสองแถวประจำทาง
จากตัวเมืองกาญจนบุรี - อำเภอทองผาภูมิ 146 กิโลเมตร
จากตัวอำเภอทองผาภูมิ - อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 55 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางเรียบร้อย บางช่วงมีขึ้นเขาและเป็นทางคดเคี้ยว
รถยนต์
- จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค - ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงเข้าอำเภอทองผาภูมิ (เส้นทางจะต่อกับเส้น 3272 เลย) วิ่งผ่านตัวอำเภอ (ตัวอำเภออยู่ทางขวา) เลียบอ่างเก็บน้ำในเขื่อนไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านไร่-ปิล๊อก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปิล๊อก จากจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ประมาณ 24 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ทางขวามือ
รถประจำทาง
ขึ้นรถทัวร์ บขส.999 ที่ขนส่งหมอชิต (ชั้น 1 ช่องที่ 21) กรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์ รอบ 5.00 น. (ต้องขึ้นเที่ยวนี้เท่านั้น เพื่อให้ทันรถสองแถวเที่ยวสุดท้ายไปอุทยานฯ) ราคาประมาณ 227 บาท ลงรถทัวร์ที่อำเภอทองผาภูมิ แล้วไปต่อรถสองแถวสีเหลือง ที่ตลาดทองผาภูมิ ไปบ้านอีต่อง (รถออกประมาณ 10.30 น.) ค่ารถสองแถวราคาประมาณ 70 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ขากลับมีรถสองแถววิ่งมาจากหมู่บ้านอีต่องไปยังอำเภอทองผาภูมิในช่วงเช้า (ประมาณ 8.00 น.) ควรสอบถามเวลาที่แน่นอนจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อีกครั้ง
**สอบถามรายละเอียดการเดินรถที่แน่นอนอีกครั้ง โทร. 02-872-1777 หรือ 1490 เรียก บขส.